ทำไม Mark Zuckerberg ถึงเปลี่ยนชื่อ Facebook เป็น Meta 

ในอนาคตอันใกล้นี้ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า เราจะมุ่งเข้าสู่โลกยุคใหม่ บนเมตัลเวิร์ค ถึงขนาดที่มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก CEO facebook เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็นMeta เพราะต้องการควบคุม กิจการ ที่ต่อยอดไปได้เพราะไม่ใช่แค่ Social Media อย่าง Facebook Instagram หรือ Messenger เท่านั้นเพราะ metaverse คือเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก ต้องการสร้างแพลตฟอร์มโลกเสมือนจริงขึ้นมาได้ อีกทั้ง metaverse เป็นการท่องโลก แห่งการจินตนาการที่แสนวิเศษโดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายๆ ด้านมาหลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นโลกเสมือนจริง ผู้ใช้บริการจะสามารถลงทุนซื้อขายธุรกิจต่างๆ สินค้าได้ด้วยสกุลเงินดิจิตอล หากคุณยังนึกภาพไม่ออกเรา ขอแนะนำให้คุณดูหนังเรื่อง Ready player one เป็นหนังที่ จะทำให้คุณเห็นภาพ metaverse ชัดเจนขึ้น และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โลกเสมือนจริงจะเกิดขึ้นจริง ทำให้ผู้คนใช้ชีวิต แบบโลกคู่ขนานโดยใช้ทั้งโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความเป็นจริงที่ใช้ชีวิตกันปกติไปพร้อมๆกัน

 เหตุผลที่มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็น metaซึ่งมีสาเหตุใหญ่ๆอยู่ 5 สาเหตุคือ 

  • Mark Zuckerberg ต้องการให้ Facebook เป็นมากกว่าแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทต้องการเข้าสู่โลกเสมือนจริงอย่าง metaverse ซึ่งสามารถเชื่อมต่อทุกแพลตฟอร์มรวมกัน คล้ายกับการมีอีก Facebook นึงบนโลกเสมือนจริง มีการติดต่อสื่อสารถึงเพื่อนๆ การซื้อขายสินค้า การสร้างแอดโฆษณารวมถึงสามารถ เทเลพอตไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อพบปะคนอื่นใน metaverse ด้วย ซึ่ง project ที่กำลังพัฒนาคือ Horizon Home ต้องติดตามกันดูว่าโปรเจคนี้จะน่าสนใจขนาดไหน บอกได้เลยว่าโลกอนาคตนี้จะเป็นโลกแห่งดิจิตอลแบบเต็มรูปแบบที่ทั้งชีวิตของเราจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ คนที่ต้องการใช้งาน บน metaverse ได้อย่างแท้จริง โดยที่แฟลตฟอณ์มยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook จะพัฒนารูปแบบ บน metaverse ไปได้ไกลขนาดไหนผู้ใช้งานอย่างเราต้องติดตามต่อไป แน่นอนว่า Mark Zuckerberg CEO meta ในปัจจุบัน มีจุดมุ่งหมายจะสะท้อนความเป็นโลกแห่งเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีหลายบริษัทกำลังตบเท้าเข้าสู่ระบบ metaverse ที่จะเกิดขึ้นแน่นอน 
  •  การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จากชื่อ Facebook กลายมาเป็นmeta ไม่มีผลกับทาง Social Media อื่นๆยังสามารถใช้ Facebook Instagram Messenger ได้อย่างปกติภายใต้คำว่า meta  แต่ในอนาคต บนโลกแห่งเทคโนโลยีจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง จะต้องรอติดตามแต่ตอนนี้ บริษัทmeta กำลังพัฒนาเข้าสู่ระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ 
  •  Facebook ที่เปลี่ยนเป็น meta เพื่อต้องการดึงดูดให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจมากขึ้นซึ่ง แน่นอนว่ามี Application และ Social Media อื่นๆเกิดขึ้นมากมายและยังทำให้ Facebook มีส่วนแบ่งการตลาด ให้กับคู่แข่งอย่าง tiktokเพราะเป็น Application ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ในตอนนี้บอกได้เลยว่า meta กำลังจะเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนา ให้เข้ามาเล่น Social Media ระบบใหม่กันมากขึ้น 
  •  หุ้นของบริษัทจะเปลี่ยนจาก Facebook มาเป็น MVRS ซึ่งเปิดให้เริ่มซื้อขายกันภายใต้สัญญา วันที่ 1 ธันวาคม เพื่อต้องการรองรับศักยภาพของการสู่เข้าสู่ metaverse อย่างแท้จริง 
  •  มาร์คซัคเคอร์เบิร์กต้องการวางแผนฟอร์ม ของ meta ให้กลายเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี VR และ AR เพื่อรองรับ metaverse ซึ่งกำลังพัฒนาอุปกรณ์ เช่น นาฬิกาอัจฉริยะแว่นตา หูฟัง Oculus VR และยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานบน metaverse ด้วยดังนั้น Facebook จึงพัฒนาตัวเองเป็นการรีแบรนด์เข้าสู่ การสร้างโลก metaverse 

ดังนั้น Facebook เมื่อเปลี่ยนชื่อเป็น meta เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่จักรวาล metaverse อย่างเต็มตัว และจริงจังกับการเข้าไปอยู่ในตลาด AR และ VR รวมถึงการลงทุนซื้อกิจการต่างๆ มากมาย โดยมีการพัฒนากลายเป็นแว่นตาอัจริยะ VR ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆของโลก ในอนาคตที่จะถึงนี้facebook จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร สาวกพี่มาร์ค ต้องรอติดตาม 

นอกจากนี้การลงทุนใน metaverse ถือเป็นเรื่องใหม่ ที่มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก กำลังเตรียมตัวก่อนเข้าสู่โลกดิจิตอล แต่อย่างไรก็ตามยังมีการพัฒนา Facebook อย่างต่อเนื่องให้ Facebook มีวีดีโอสั้นๆ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ หลังจากนี้เร็วว่าทำวีดีโอสั้นมาเพื่อตอบสนองคู่แข่งและตีตลาด 

วิธีการใช้งานและเข้าถึง metaverse ด้วยกัน 3 วิธี คือ 

  • การใช้แว่นตาอัจริยะ ซึ่งเข้าถึงโลก VR โดยการสร้างอวตารขึ้นมาแล้วเป็นอยู่ในโลกเสมือนจริงได้แบบชัดเจน 
  • การใช้แว่น Rayban หรือแว่นตายี่ห้ออื่นๆที่มีอุปกรณ์บรรจุอิเล็กทรอนิกส์อย่างอะเข้าไปเพื่อให้คุณได้ใช้งานได้ เหมือนคุณเห็นภาพ ของอวตารที่เป็นตัวคุณจริงๆ 
  • การใช้งานผ่านอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์สมาร์ทโฟน ทำให้คุณสัมผัสโลกเสมือนจริงให้คุณได้เข้าไปท่องโลกเหมือนกับการที่คุณอยู่ในเกมนั่นเอง นอกจากนี้การใช้แว่น VR หรือ AR จะทำให้คนเข้าถึงโลก metaverse ได้มากขึ้น เพราะว่าจะทำหน้าที่ในการจับความเคลื่อนไหว กริยาท่าทางต่างๆเป็นแสดงบนโลก metaverse คุณสามารถพูดคุยสื่อสารกับเพื่อนใหม่ๆ และสามารถพิมพ์ข้อความได้เหมือนกับโลกจริงๆ

 ซึ่งโลกเสมือนจริงจะพัฒนาไปไกลขนาดไหนทำไม Mark Zuckerberg จึงเล็งเห็นความสำคัญ แน่นอนว่า Facebook มีการสร้างและทดลองใช้ขึ้นมาจริงๆ ชื่อกันเรียกกันว่า Horizon home เป็น App ที่ใช้สำหรับคนที่เล่น VR หรือคนที่ใช้แว่นตา oculus ในการประชุมทำงานด้านบนโลกเสมือนจริง โดยมีการเริ่มทดลองใช้ metaverse โดยการประชุมกับลูกน้อง ในองค์กรของ Facebook หรือmeta ในปัจจุบันนี้โดยมีโต๊ะละไวท์บอร์ดเสมือนจริง จะทำให้เห็นได้ว่าผู้คนจะย้ายตัวเองจากโลกของ Facebook ไปอยู่โลกของ metaverse ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากการประชุมแล้วก็ยังสามารถทำงานได้ที่บ้านเล่นเกม หรือทำกิจกรรมต่างๆบนโลกเสมือนจริงแบบ metaverse ซึ่งมักจะเกิดประกาศไปว่าได้ทดลองเปิดตลาด metaverse โดยมีนักพัฒนาสามารถซื้อขายของเสมือนจริง มีหน้า Home screen ของแว่น oculus เพื่อสามารถพูดคุยกันแบบโลกเสมือนจริงที่ใกล้เคียงมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง สำหรับหลายๆคนสงสัยว่าการสร้าง metaverse  จะมีความปลอดภัยขนาดไหนจากเดิมที่เราสามารถใช้ Facebook ทั้งต้องใช้รหัสสแกนหน้าหรือ รหัส 2 ชั้น ในการเข้าสู่ระบบเพื่อความปลอดภัย แต่ก็ยังเกิดการแฮกข้อมูลกันอยู่ บนโลกแห่งอนาคต ผู้ผลิตจะต้องใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับ 1 เพราะแน่นอนว่าจะต้องมีการซื้อขายอวตาร การซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ การซื้อขายสินค้าและการทำธุรกิจ ดังนั้นข้อมูลดิจิตอลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์รวมถึงจะมีโจรไฮเทคที่ จะต้องการแฮกข้อมูลเหล่านี้เพื่อเป็นของตัวเองได้ จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้โลกในเซิฟมีความปลอดภัยสูง และตอนนี้อยู่ในขั้นการทดลองทดสอบ ระบบ

ข้อดีของ metaverse ที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจ

Metaverse คือ โลกเสมือนจริงที่มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก ก็ยังให้ความสำคัญขนาดนี้ ดังนั้นแบรนด์ต่างๆหรือการทำธุรกิจบน metaverse เรียกได้ว่า จะต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบนี้ เช่นเดียวกันไม่ใช่แค่ใบระดับโลกเท่านั้น แต่แบรนด์ในเมืองไทยก็เตรียมตัวเข้าสู่ระบบ network กันแล้วไปดูกันดีกว่าว่าข้อดีของ metaverse ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจมีอะไรบ้าง

  • เป็นโลกคู่ขนานที่ใช้งานพร้อมกันได้กับโลกแห่งความเป็นจริง ที่ตอบสนองความต้องการของการใช้ชีวิตในยุคใหม่หรือ New Normal อย่างที่ทราบกันแล้วว่าโรค covid-19 เป็นโรคที่ระบาดเกิดขึ้น ทำให้คนไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนมาไหนได้ จึงเปลี่ยนชีวิตชีวิตมาเป็น New Normal ด้วยการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ประชุมหน้าจอ หรือการ work from home ดังนั้นผู้คนจะเข้าไปอยู่โลก metaverse มากขึ้นเมื่อที่ไหนมีคนที่นั่นจะต้องมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน และทำธุรกิจเสมอดังนั้นแบรนด์สินค้าต่างๆจะต้องมองหาช่องทาง ในการพัฒนาตัวเองเข้าสู่ระบบ metaverse เช่นเดียวกันเพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้อย่างยั่งยืนและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานบนเมทัลมากขึ้น 
  • ไม่มีข้อจำกัด ในการทำธุรกิจคุณอาจจะเคยศึกษาการทำธุรกิจจะต้องมี 4p  1.product 2.promotion  3.Price 4.place หรือทำเล เมื่อมีหน้าร้านจะต้องมีการหาทำเลดีๆเพื่อให้คนเข้ามาซื้อสินค้า แต่เมื่อเข้าสู่ยุคออนไลน์จะตัดทำเล ออกไปไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนของโลก ก็สามารถซื้อขายผ่านออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ในโลกบน metaverse ตัดข้อจำกัดด้านกายภาพ ที่เป็นอุปสรรค จะถูกแก้ไขทันที เพราะว่าบนโลกดิจิตอลเสมือนจริงไม่ต้องมีทำเลหรือพื้นที่ในการเรียกลูกค้า  เพียงแค่สร้างศักยภาพธุรกิจให้เกิดขึ้นซึ่งเปิดประตูโลกใบใหม่ให้บุคคลเข้าถึง ได้ง่ายกว่าเดิมและยังเป็นการปรับเปลี่ยนให้ลูกค้า เข้าถึงได้ทั่วทุกมุมโลกโดยไม่มีพรมแดนมาคิดกัน 
  •  metaverse เป็นตลาดออนไลน์ขนาดใหญ่ที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น บริษัท tencent ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี VR อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงยังต่อยอดเศรษฐกิจในเม็ดอาวุธในอนาคตดูไว้ Facebook ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ชื่อกลายเป็นmeta และเดินหน้าเข้าสู่ metaverse เต็มตัวมีเป้าหมายต้องการให้เป็น metaverse Company โดยวางกลยุทธ์ทำให้คนเข้าถึงโลก เสมือนจริงและ มีแนวโน้มในการขาย ฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ในราคาที่เข้าถึงได้ ส่วนnetflix เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เปิดตัวห้างเสมือนจริงที่ชื่อว่า Starcourt Mall ซึ่งเป็นห้างที่อยู่ในซีรีย์ชื่อดัง และเป็นหนึ่งในห้างที่เปิดตัวบน metaverse เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมอาณาจักรแห่งแฟชั่นและสินค้าชั้นนำระดับโลกที่น่าเข้าไปใช้บริการ 
  •  เป็นมิติใหม่ของการจ่ายเงินด้วยระบบ Smart contract ซึ่ง เรียกกันว่าสกุลเงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งสามารถทำสัญญาคือซื้อขายกันได้ผ่าน Smart contract ซึ่งตั้งอยู่ในบล็อกเชน ดังนั้น จะหมดปัญหาเรื่องค่าเงินที่ต่างกันของแต่ละประเทศ เพราะทุกคนทั่วโลกจะใช้เงินสกุลเดียวกัน เป็นสกุลเงินดิจิตอลทั้งหมด ทำให้สามารถซื้อขายผ่านระบบสกุลเงินได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับการลงทุนทำธุรกิจอย่างยิ่ง 
  • ช่วยเพิ่มการโปรโมท การทำธุรกิจให้คนรู้จักทั่วโลกจะต้องทุ่มเงินการตลาดอย่างสูงในยุคปัจจุบันแต่เมื่อเข้าสู่โลก metaverse แล้วสามารถโปรโมทธุรกิจผ่านเกมให้การพัฒนาเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงเกม ทุกพื้นที่ทั่วโลกและเกม metaverse อย่างเป็นช่องทางในการโปรโมทแปลนที่ ได้รับความนิยมสูง ในโลกแห่งอนาคตได้จะทำให้คุณรู้จักแบรนด์ใหม่ๆเยอะขึ้นเรียกได้ว่า คื metaverse อศูนย์รวมความบันเทิง และความสนุกให้ช้อปปิ้งสินค้าไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวและการทำรายได้บน metaverse

ข้อดีของ metaverse สำหรับผู้ใช้งาน 

1.สามารถท่องโลกดิจิตอลได้เสมือนจริง

 2.วิถีชีวิตประจำวันของคุณไปตลอดกาลโดยการใช้ metaverse เข้าไป มีบทบาท ให้คุณช้อปปิ้งสินค้าได้ทั่วโลก

 3.เป็นการสร้างรายได้บนโลกดิจิตอลที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรสูง 

4.ทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆบน metaverse เรียกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆและทำให้ผู้ใช้งานได้สนุกไปกับโลกเสมือนจริงที่ จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ ในโลกอนาคต

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s